Wi-Fi Internet Trend (แนวโน้มไวไฟ ในอนาคต)


อัปเดท : 2 สิงหาคม พ.ศ.2547 , แสดง : 39,094 , ความคิดเห็น : 0

เทคโนโลยี Wi-Fi เป็นเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ Wi-Fi จะไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยีสื่อสาร ไร้สายเพื่อเชื่อมต่อเครือข่าย ภายใน หรืออินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว เทคโนโลยีที่ใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์สู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านคลื่นวิทยุนี้ยังจะถูกนำมาใช้เพื่อเชื่อมต่อเครื่องเสียงสเตอริโอ โทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์พีซี ให้เป็นระบบเครือข่ายความบันเทิงในบ้านในรูปแบบใหม่

"เครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีลักษณะเป็นดิจิทัลมากขึ้น และเมื่อมันเป็นดิจิทัลแล้ว มันก็สามารถเชื่อมต่อกับพีซีได้" เจสัน เชิง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดบริษัทอินเทล คอร์ป พูดถึงแนวโน้มในวันข้างหน้า "เครื่องคอมพิวเตอร์จะเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์ก็จะเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นดิจิทัล ทั้งหมดนี้จะต่อกันเป็นเครือข่ายด้วยเทคโนโลยีWi-Fi"

เทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi มีใช้มาหลายปีแล้วก็จริง แต่ก็เพิ่งมาลงหลักปักฐานเอาอย่างจริงๆ จังๆ หลังจากอินเทลปล่อยชิพเซนทริโนออกสู่ตลาดเมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและที่ไต้หวันผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตโน้ตบุ๊คครองส่วนแบ่งตลาดโลกอยู่ร้อยละ 70 ได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายอยู่ไม่น้อย เห็นได้จากผู้ผลิตส่วนใหญ่เลือกใช้ชิพเซนทริโนสำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของตน แต่อินเทลไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ "ชิพ" สำหรับคอมพิวเตอร์ เมื่อเกตเวย์ อิงค์ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อีกรายจากอเมริกา ซึ่งมาผลิตเครื่องเล่นดีวีดี จับเอาชิพอินเทลไว้ในเครื่องเล่นดีวีดี เครื่องเล่นดีวีดีที่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ตัวนี้ (จำหน่ายในสหรัฐราคา 250 ดอลลาร์ ตกราวๆ 10,250 บาท) สามารถทำหน้าที่ส่งไฟล์เพลง ภาพ และวิดีโอจากพีซีไปยังโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ในห้องนั่งเล่นได้ (หมายความว่าทีวี เครื่องเล่นสเตอริโอต้องเป็นดิจิทัล และมีชิพ Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่อไร้สายด้วย

ในความเคลื่อนไหวที่คล้ายๆ กันนี้ เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน โซนี่ คอร์ป ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากญี่ปุ่นได้เปิดตัวทีวีจอแบนที่ใช้ Wi-Fi ส่งสัญญาณดาวเทียม หรือจากสายเคเบิลไปยังทีวีเครื่องอื่นๆ ในบ้านได้ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าติดตั้งเคเบิลจุดที่สอง หรือสาม

"แนวโน้มดังกล่าวแม้จะเป็นแค่เริ่มต้น แต่ถึงที่สุดแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดในบ้านจะเชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยีไร้สาย" เครก บาร์เรต ประธานบริหารบริษัทอเธรอส คอมมิวเนเกชั่น อิงค์ ซึ่งป้อนชิพ Wi-Fi ระดับสูงเพื่อติดตั้งลงในทีวีของโซนี่ กล่าว

  
 
จริงๆ แล้ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ยังห่างไกลจากวิสัยทัศน์ข้างต้น ยกตัวอย่าง เครื่องเล่นดีวีดีของเกตเวย์ไม่สามารถเรียกเปิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่าง เวบบราวเซอร์ จากทีวีได้ และโทรทัศน์ดิจิทัลของโซนี่เองไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นที่มีเทคโนโลยี Wi-Fi เช่นกันได้ แต่จะเชื่อมต่อได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าของโซนี่เท่านั้น

อุปสรรคประการหนึ่งก็คือ ขณะที่อุปกรณ์ดิจิทัลสามารถสื่อสารกับพีซีได้สบาย แต่ยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ยอมรับกันทั่วไปเพื่อใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้เชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ ดังนั้น กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตไมโครชิพ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จึงรวมตัวกันเพื่อร่างระเบียบกฎเกณฑ์บางอย่างออกมา "ระเบียบจากกลุ่มอุตสาหกรรมจะออกมาในปีนี้" เชนจากอินเทิล กล่าว

บริษัทวิจัยทางการตลาด อินโฟเนติกส์ รีเสริช อิงค์ สำรวจว่า รายได้จากยอดขายอุปกรณ์ Wi-Fi เพิ่มขึ้นเป็น 608 ล้านดอลลาร์เมื่อไตรมาสสองที่ผ่านมา และคาดว่ารายได้ทั้งปีคงจะดับเบิลขึ้นไปเป็น 3,200 ล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2545 และ 2549

อินเทลและผู้ผลิตชิพสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ เท็กซัส อินสตรูเมนท์ อิงค์ ได้พูดถึงโทรศัพท์ Wi-Fi ซึ่งสามารถเชื่อมต่อสัญญาณจากบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามปกติเมื่อใช้งานบนท้องถนน แต่สามารถสลับมาใช้เครือข่าย Wi-Fi ได้เมื่อเข้ามาในสำนักงาน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเอกสารบริษัทและเช็ค mail ได้อย่างรวดเร็ว

ทอม เอนจิเบาส์ ประธานบริหารเท็กซัส อินสตรูเมนท์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่า โทรศัพท์มือถือที่สามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ตลอดเวลาทำให้เกิดการเติบโตครั้งยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากคอมพิวเตอร์พีซีเคยสร้างปรากฏการณ์นี้ขึ้นมาก่อนแล้ว

Wi-Fi หรือเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN; WLAN) ทำให้พนักงานคล่องตัวมากขึ้นในการทำงานนอกสถานที่ซึ่งผลที่ตามมาก็คือประสิทธิภาพที่สูงขึ้นขององค์กรที่ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีดังกล่าว แต่เทคโนโลยีที่ช่วยให้เช็คอีเมลได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา แม้จะ “อยู่นอกออฟฟิศ หรือติดประชุมตลอดทั้งวัน” นั้น อาจต้องปิดฉากลงในเวลาอันรวดเร็ว หากไม่แก้ปัญหาสำคัญ “security”

การ์ตเนอร์ (Gartner) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตลาด ประเมินสถานการณ์ของ Wi-Fi ในปี 2005 ไว้ว่า 80% ของโน้ตบุ๊คที่วางจำหน่ายในท้องตลาดจะซัพพอร์ต Wi-Fi ในตัว และ 50% ของบริษัทในชาร์ต Fortune 1000 จะมีการใช้งาน WLAN มาตรฐาน IEEE 802.11

ปี 2010 บริษัทในชาร์ต Fortune 2000 แทบทุกบริษัทจะมีการใช้งาน WLAN โดยเหตุผลส่วนหนึ่งคือใช้เพื่อสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายปกติที่เชื่อมต่อผ่านสายเคเบิล ให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น ตามผลการศึกษาของการ์ตเนอร์

สำหรับธุรกิจ Wi-Fi เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครือข่ายภายในของบริษัทได้จากหลายๆสถานที่ เช่น โรงแรม, สนามบิน, ร้านกาแฟ และร้านฟาสต์ฟู้ดนั้น อุปสรรคใหญ่คือปัญหาเรื่อง security ที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะตามปริมาณข้อมูลที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ รอเวลาที่แฮกเกอร์จะมาคว้าเก็บไปเป็นประโยชน์ 

ดร.รอน สเปอราโน (Ron Sperano) หัวหน้าฝ่ายพัฒนาตลาดโมบายล์ แผนกระบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล บริษัทไอบีเอ็ม (IBM) กล่าวว่า การเลือกใช้ WLAN เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด “ความคุ้มค่าเกิดขึ้นจาก 2 สิ่ง อันแรกคือสายเคเบิล ที่ไม่ต้องใช้อีกต่อไป และสองคือผลิตผล (Productivity) ที่เพิ่มขึ้น WLAN อาจมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า LAN ปกติ เพราะไม่มีเคเบิล ไม่มีค่าบำรุงรักษาในส่วนนี้ แต่ที่คุ้มที่สุดคือผลผลิตที่ได้มากขึ้น เนื่องจากพนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะในมหาวิทยาลัย, ที่บ้าน หรือบนถนน”

แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้ WLAN นั้น บริษัทจำเป็นต้องตอบ 3 คำถามนี้ให้ได้เสียก่อน

1. มีความจำเป็นต้องใช่หรือไม่?
2. ความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน?
3. ปลอดภัยหรือไม่ มี security ดีแค่ไหน?

ความเสี่ยง

การใช้งาน WLAN มีความเสี่ยง ผลสำรวจบริษัทจำนวน 500 แห่งโดยบริษัทจูปิเตอร์รีเสิร์ช (Jupiter Research) พบว่า มีไม่กี่แห่งที่รันระบบ security ควบคู่ไปกับการใช้งาน WLAN

รายงานชื่อ “Wireless LAN Security” ซึ่งจัดทำขึ้นโดย Internet Security [[[[sys]]]]tems (ISS) มีการจำแนกปัญหาsecurityสำหรับ WLAN ออกเป็น 6 หัวข้อด้วยกัน

1. Rogue access points

ปัญหา access point เถื่อนนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ มีคนตั้ง WLAN วงใหม่ขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น พนักงานในบริษัทสร้าง WLAN ขึ้นมาใช้เองเป็นการส่วนตัวในบริษัท ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
WLAN พวกนี้มักไม่มี security ดังนั้นปัญหาจะเกิดทันที หากมีคนแอบใช้ WLAN ดังกล่าวเพื่อเข้าถึงทรัพยากรภายในองค์กร วิธีแก้ปัญหาคือ บริษัทต้องมีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อรักษาค่าคอนฟิกูเรชั่นไว้เป็นความลับภายใน

2. Interception and Monitoring of Wireless Traffic

การดักฟังทราฟฟิกบนเครือข่ายไร้สายก็เหมือนกันกับการดักฟังทราฟฟิกบนเครือข่ายมีสาย ต่างกันตรงที่แฮกเกอร์จะดักฟังทราฟฟิกบนเครือข่ายปกติได้ก็ต้องหาสายหรือหาจุดเชื่อมต่อให้เจอ แต่สำหรับเครือข่ายไร้สาย การดักฟังก็แค่ให้อยู่ภายในรัศมีทำการของ access point เท่านั้น (ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 90 เมตรสำหรับ 802.11b)

พึงระลึกไว้เสมอว่า เสาอากาศ นอกจากจะทำให้สัญญาณแรงและรัศมีทำการมากขึ้นแล้ว โอกาสที่แฮกเกอร์จะเข้ามาดักฟังทราฟฟิกก็สูงขึ้นด้วย เนื่องจาก access point จะส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกลม เมื่อสัญญาณแรงขึ้น ก็หมายความว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึง access point ได้จากภายนอกอาคาร หรือจากชั้นอื่นของอาคาร

3. Jamming

“แจม” หมายถึงการหยุดชะงักชั่วคราวของระบบเครือข่าย เนื่องจากทราฟฟิกระหว่างclientและ access pointถูกตัดขาดจากกัน อันมีสาเหตุจากการแทรกของทราฟฟิกอีกชุดหนึ่ง ที่ระดับความถี่เดียวกัน
ผู้บุกรุกพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสม จะสามารถสร้างสัญญาณให้เต็มช่องความถี่ได้ไม่ยาก ซึ่งจะส่งผลให้เครือข่ายหยุดทำงานชั่วคราว และสำหรับความถี่ย่าน 2.4GHz นั้น ไม่ได้มีเฉพาะอุปกรณ์ WLAN เท่านั้นที่ใช้ความถี่ย่านนี้อยู่ โทรศัพท์ไร้สาย ฯลฯ ก็ใช้ช่องความถี่นี้ด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่สัญญาณจะกวนกัน

4. Client-to-Client Attacks

clientไร้สาย 2 ตัวสามารถจะคุยกันเองได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่าน access point และนั่นเป็นช่องโหว่ที่อาจทำให้ไฟล์สำคัญหรือความลับขององค์กรรั่วไหลออกไปได้ ผู้ดูแล WLAN จำเป็นต้องปกป้องclientของตน ไม่เฉพาะจากบุคคลภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคคลภายในเองด้วย

5. Brute Force Attacks Against Access Point Passwords

access point ส่วนใหญ่จะแชร์พาสเวิร์ดกับclient เพื่ออนุญาตให้ client เข้าใช้บริการของ access point นั้นๆได้ การบุกเข้าใช้บริการ access point แบบดื้อๆ หรือ Brute Force ก็คือการลองผิดลองถูก มั่วพาสเวิร์ดไปเรื่อยๆจนกว่าจะถูก เมื่อพาสเวิร์ดถูกก็สามารถเข้าใช้บริการได้ ผู้บุกรุกก็สามารถเข้าถึง access point หรือเข้าถึงเครือข่ายภายในได้

6. Misconfiguration

access point ส่วนใหญ่จะได้รับการกำหนดค่าคอนฟิกูเลชั่นมาจากโรงงาน โดยเน้นในเรื่องความง่ายสำหรับการติดตั้งเป็นสำคัญ ให้สามารถใช้งานได้ทันทีที่แกะออกจากกล่อง แต่นั่นไม่ซีเคียว ผู้ดูแลระบบที่เข้าใจระบบ security ของ WLAN จะทำการเซ็ตค่าคอนฟิกูเลชั่นใหม่ เพื่อให้มีระดับ security สูงขึ้น

คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบก็คือ ให้มองหาค่า SSID (Service Set Identifier) ค่ากำหนดนี้จะเป็นเสมือนพาสเวิร์ด สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามความเหมาะสม เพื่ออนุญาตให้clientที่มีค่า SSID ถูกต้องตรงกันสามารถเข้ามาใช้งานaccess pointได้ การไม่ตั้งค่า SSID ใหม่ย่อมหมายถึงการเปิดประตูรับคนแปลกหน้า ให้สามารถเข้าใช้บริการaccess pointได้ ซึ่งหมายรวมถึงแฮกเกอร์

Implementing Security Practices: WPA vs. WEP กลุ่มพันธมิตร Wi-Fi (Wi-Fi Alliance) ใช้เวลา 2 ปีที่ผ่านมา สรุปสเปคของไวร์เลส security ตัวใหม่ออกมา เพื่อยกระดับการปกป้องข้อมูลและการควบคุมการแอคเซส สเปคใหม่ดังกล่าวมีชื่อว่า Wi-Fi Protected Access (WPA) ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังเป็นการลบจุดเปราะในไวร์เลส security ตัวก่อน หรือ Wired Equivalent Privacy (WEP) ด้วย

WEP ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปี 1997 แต่จากการศึกษาโดยองค์กรอิสระ รวมถึงสถาบันต่างๆ ในเวลาต่อมา พบว่า WEP มีข้อบกพร่องในเรื่องsecurity คือคนที่มีความรู้ด้านเทคนิคแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถลักลอบเข้า WLAN ได้แล้ว แม้ WLAN นั้นจะรัน WEP อยู่ก็ตาม

ด้วยเกรงว่าปัญหาเรื่อง security ใน WEP จะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของ Wi-Fi ดังนั้นทางกลุ่มพันธมิตร Wi-Fiจึงได้ร่วมกับสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Institute of Electrical and Electronics Engineers; IEEE) ทำการแก้ไขปรับปรุงสเปคไวร์เลส security เกิดเป็นมาตรฐานใหม่ออกมา ซึ่งก็คือ WPA โดยซัพพอร์ตเครือข่ายไร้สายทั้งมาตรฐาน 802.11b, 802.11a และ 802.11g และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐาน 802.11i ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดในต้นปีนี้

  
 


ในช่วงที่ WPA ยังไม่ออกมา ดร.สเปอราโน ได้แนะนำผู้ใช้ WLAN เพื่อป้องกันตัวเองเป็นการชั่วคราวว่า

1. อย่าบรอดคาสต์ไวร์เลสเรดิโอ กล่าวคือทำการแก้ไขคอนฟิกูเรชั่นของ access poin tเสียใหม่ ไม่ให้บรอดคาสต์ SSID ของตัวมันเองออกมา “access point ส่วนใหญ่จะถูกเซ็ตค่าdefault มาตั้งแต่โรงงานให้บรอดคาสต์ SSID ออกมา เพื่อความง่ายในการติดตั้งและความสะดวกในการใช้งาน ... หลังแก้ไขค่าdefault SSID แล้ว หากใครต้องการเชื่อมต่อกับ WLAN ก็จำเป็นต้องรู้ค่า SSID ถ้าไม่รู้ ก็เชื่อมต่อไม่ได้

2. กำจัดaccess point เถื่อน access point เถื่อนคือปัญหาใหญ่ สร้างง่าย ไม่กี่สตางค์ ส่วนใหญ่ access point เถื่อนเกิดขึ้นเพราะองค์กรไม่ยอมอัพเดทเทคโนโลยี ทำให้พนักงานต้องสนองความต้องการส่วนตัวด้วยตัวเอง “ access pointเถื่อนพวกนี้ ส่วนใหญ่ไม่มี security ... วิธีแก้ไขคือใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการกำจัด ตัวอย่างเช่น Distributed Wireless Security Auditor ของไอบีเอ็ม”

3. ล็อก access point ทุกองค์กรควรเปลี่ยนค่า SSID ที่กำหนดมาเป็น default จากโรงงานเสียใหม่

4. ใช้ Virtual Private Network (VPN) เพราะ VPN คือsecurityโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพที่สุด มีการตรวจสอบผู้ขอใช้บริการอย่างละเอียดว่ามีสิทธิเข้าใช้บริการหรือไม่ รวมทั้งมีการใช้เทคนิคขั้นสูงในการเข้ารหัสข้อมูล

Security ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของ Wi-Fi เป็นอุปสรรคสำคัญที่คอยต่อต้านการยอมรับของตลาดทั่วโลก ถ้าแก้ไม่ได้ แก้ไม่ตก Wi-Fi ไม่มีทางได้เกิด นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า เงินจำนวนมหาศาลที่ทุ่มลงไปใน Hotspot หรือบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายในที่สาธารณะ ในทุกวันนี้นั้น ล้วนสูญเปล่าทั้งสิ้น

นักวิเคราะห์ที่ฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ชเรียก WLAN ว่า คือการล่มสลายของด็อทคอมครั้งต่อไป “Hotspot ทุกวันนี้ก็เหมือนด็อทคอมที่กำลังบูม ... หวังว่า WPA จะสามารถลบรอยด่างของ WEP ให้หมดไปได้ เพื่อให้โลก Wi-Fi เป็นโลกที่สดใสอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ ไม่ล่มสลายเหมือนด็อทคอม”


ผู้เขียน/อ้างอิง : n/a

อื่น ๆ เกี่ยวกับไอ.ที.

ความคิดเห็น/แนะนำ/ติชม/อื่นๆ