EPC : ELECTRONIC PRODUCT CODE (เลขรหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์)


อัปเดท : 31 สิงหาคม พ.ศ.2551 , แสดง : 152,295 , ความคิดเห็น : 0

การใช้เทคโนโลยี EPC/RFID เป็นเทคโนโลยีไร้สายที่มีความทันสมัย ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสินค้าด้วยอุปกรณ์ไร้สายจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับการจัดการสมัยใหม่ให้ข้อมูลลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าช่วยตรวจสอบสินค้าภายในคลังสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีการกำหนดเลขรหัสเพื่อบ่งชี้สินค้าแต่ละหน่วย แต่ละชิ้นมีการแตกต่าง ซึ่งมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์ในการบริการจัดการสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการพัฒนาฟังก์ชั่น EPC Gen2 โดยนำมาใช้งานร่วมกับRFID ในระบบ Supply Chain ซึ่งสร้างแพลตฟอร์มเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และระบบใน RFID ที่จะปรับปรุงการจัดการด้านการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ (Inventory) ,ระบบ Logistics ให้เกิดระบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการเชื่อมโยงข้อมูลที่อย่างครบถ้วน

1. INTRODUCTION

การนำเทคโนโลยีไร้สายเข้ามาปรับใช้กับงานเพื่อให้เกิดความคล่องตัวที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของงานเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องใส่ใจเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสินค้าด้วยอุปกรณ์ไร้สายจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับการจัดการสมัยใหม่ ด้วยอุปกรณ์แห่งเทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยตรวจสอบสินค้าภายในคลังสินค้าว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง และยังสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่มาจากโรงงานผู้ผลิต ช่วยจัดสรรปริมาณสินค้าในคลังที่เหมาะสม ให้ข้อมูลลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าได้ว่าสามารถได้รับวันใด เวลาใด รวมถึงข้อมูลที่มีให้กับหุ้นส่วนก็เกิดความแม่นยำเช่นกัน

ปัจจุบันระบบไร้สายสำหรับการตรวจสอบสินค้าในคลังสินค้านั้นจะประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ 1) ระบบการตรวจนับสินค้า รวมถึงเครื่องตรวจจับบาร์โค้ด และเครื่องตรวจคลื่นความถี่วิทยุ หรือ RFID 2) เครื่องส่งข้อมูล รวมถึงคอมพิวเตอร์ที่ใช้ครอบบนหัวได้ที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการติดต่อสื่อสารกัน ซึ่งประโยชน์หลักของเทคโนโลยีนี้ คือช่วยทำให้การตรวจนับสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้ทุกขณะแม้ว่าจะอยู่ในคลังสินค้าหรือไม่ก็ตาม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีการตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้อง  เทคโนโลยีนี้ช่วยในการจัดส่งสินค้าในโลกปัจจุบันที่การจัดการจะเข้ามามีบทบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้

2. Definition of  EPC

EPC หรือ Electronic Product Code คือ การใช้งานเลขรหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงพาณิชย์ การบริการ และในอุตสาหกรรม อันเป็นเทคโนโลยีที่จะมาแทนระบบบาร์โค้ดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน


 

EPC เป็นโครงสร้างใหม่ในการกำหนดเลขรหัสให้กับสินค้าที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Auto-ID Center เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้การกำหนดเลขรหัสเพื่อบ่งชี้สินค้าแต่ละหน่วย แต่ละชิ้นมีการแตกต่าง ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้ระบบบาร์โค้ด อีกทั้ง EPC จะเป็นข้อมูลที่มีความจำเป็นและบรรจุอยู่ในหน่วยความจำของ RFID Tag  เพื่อประโยชน์ในการอ่านและบ่งชี้ข้อมูลต่างๆ เลขรหัส Barcode เป็นเลขบ่งชี้เพื่อกำกับสินค้าชนิดนั้นๆ โดยสินค้าประเภทเดียวกันที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการก็จะมีเลขรหัสเดียวกันทั้งหมด ถึงแม้จะเป็นสินค้าที่มีวันผลิตและวันหมดอายุต่างกัน



 

ระบบ EPC จะมีลักษณะการนำไปใช้งานได้มากกว่าระบบบาร์โค้ด เพราะ EPC มีโครงสร้างเลขรหัสที่มีจำนวนตัวเลขมากกว่าจึงสามารถนำไปกำหนดให้กับสินค้าทุกชิ้นมีเลขรหัสที่ต่างกันทั้งหมดได้ ถึงแม้จะเป็นสินค้าที่เหมือนกันแต่คนละชิ้นก็จะมีเลขรหัสต่างกัน ทำให้สินค้าที่มีวันผลิตและวันหมดอายุต่างกันมีเลขรหัสต่างกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ในการบริการจัดการสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ความสะดวก-รวดเร็วในการบ่งชี้สินค้า ,ความสามารถในการอ่านข้อมูลครั้งละมากๆ , มีระยะทางและรัศมีในการบ่งชี้สินค้าที่ไกลกว่าการสแกนบาร์โค้ดแบบเดิม  และการบันทึกข้อมูล EPC ใน RFID Tag ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบ่งชี้ข้อมูลของสินค้าและการบริหารจัดการ Supply Chain ได้ดียิ่งขึ้น

3. EPC Global Generation 2

การเพิ่มฟังก์ชั่นระบบ RFID ที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานใหม่ EPC รุ่นที่ 2 (EPC Global Generation 2 ( Gen 2)) ได้สร้างรากฐานให้แก่ยุคใหม่ของการใช้ RFID ในระบบ Supply Chain ซึ่ง Gen 2 สร้างแพลตฟอร์มเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และระบบใน RFID ที่จะปรับปรุงการจัดการด้านการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ (Inventory) ,ระบบLogistics รวมถึงการดำเนินงานด้านการค้าปลีกทั่วโลก สิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ Gen 2 ระบุรายละเอียด และลำดับของประสิทธิภาพที่เข้ากับผลิตภัณฑ์ Gen 2 ที่สามารถใช้งานได้จริง โดยความเข้าใจในรายละเอียดเรื่องประสิทธิภาพของ Gen 2 และคุณสมบัติที่แตกต่างจะส่งผลต่อประสิทธิภาพแท้จริง ผู้ใช้สามารถระบุระบบ Gen 2 ที่ให้ฟังก์ชั่นและประโยชน์ตามที่ต้องการ

  
 
ปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาในการนำเทคโนโลยี Gen 2 RFID มาใช้ ประกอบด้วย ความเร็ว ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ ลำดับ ความปลอดภัย และราคา

- ความเร็ว  พื้นฐานของผู้ใช้งานด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก คือความสามารถในการอ่านแถบป้าย RFID Tag  อย่างรวดเร็วและทันทีทันใด ความต้องการในเรื่องความเร็วของ Gen 2 ถูกพัฒนาและแก้ไขให้ดีบนพื้นฐานของความต้องการและประสบการณ์ของผู้ใช้เทคโนโลยีรุ่นที่ 1 หรือ Gen 1   ความสามารถในการระบุจำแนกสิ่งต่างๆ ด้วยความเร็วของระบบเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจัดลำดับข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดจำหน่าย และการบริหารการจัดเก็บสินค้า คุณสมบัติเฉพาะของ Gen 2 สนับสนุน “การเลือกแบบกลุ่ม” ที่ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญในการอ่านและจัดลำดับข้อมูลความเร็วสูง ช่วยให้ RFID Interrogators หรือเครื่องอ่าน RFID ค้นหาและอ่านกลุ่มแถบป้ายที่เลือก และไม่สนใจกับส่วนอื่น และยังช่วยลดจำนวนข้อมูลที่ระบบต้องประมวลผลเพื่อการอ่านเร็วขึ้น นอกจากนั้นเทคโนโลยีใหม่ของคุณสมบัติ Gen 2  ที่เรียกว่า “Persistence”  ทำให้แถบป้ายมีความสามารถในการจำสถานะ หากเข้าถึงข้อมูลผิดพลาดจากเครื่องอ่าน และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการอ่านครั้งใหญ่ โดยเฉพาะแผ่นแถบป้ายจำนวนมาก

- ประสิทธิภาพช่วงความถี่ (Bandwidth)  ช่วงความถี่ของการสื่อสารไร้สารมีข้อจำกัด ผลิตภัณฑ์ Gen 2 สามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตและให้ลำดับความเร็ว และประสิทธิภาพอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับความต้องการของแอพพลิเคชั่นด้านSupply Chain ที่กำหนดโดยผู้ใช้ ซึ่งทำให้ชนะอุปสรรคในเรื่องของการติดตั้งระบบ Gen 1 มาตรฐาน Gen 2 นี้ ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับความยืดหยุ่นในเรื่องการใช้ประโยชน์ช่วงความถี่ ประสิทธิภาพของระบบสามารถใช้งานอยู่บนจำนวนของอุปกรณ์ RFID ที่ทำงานมาตรฐานนี้ได้แบ่งการทำงานของผลิตภัณฑ์  Gen 2 เป็นสามโหมด คือ เครื่องอ่านเดี่ยว (Single Reader) และเครื่องอ่านหลายระบบ (Multi Reader) และเครื่องอ่านแบบหนาแน่น (Dense Reader) คุณสมบัติในแต่ละโหมดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานปกติ

- ความน่าเชื่อถือ  มาตรฐาน Gen2 ยังรวมถึงข้อกำหนดที่มีการปรับปรุงจากยุคที่ 1 ทำให้การแสดงผลด้านการอ่านมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และยังมีทางในการติดตั้งมาตรฐานและอุปกรณ์สำหรับการปรับปรุงการเชื่อมโยงข้อมูลและความน่าเชื่อถือของเครือข่าย ตัวเลข EPC รูปแบบข้อมูล ซึ่งทำให้เป็นไปได้ในการจำแนกการอ่านข้อมูลและการเขียนบนแถบป้าย มาตรฐานการอ่าน Gen2 จะเปลี่ยนการอ่านข้อมูลจากผู้อ่าน สู่การต่อเชื่อมที่จะทำให้ปฏิบัติการได้เร็วขึ้น และเพิ่มส่วนของการป้องกันการอ่านผิดด้วย

- ระบบรักษาความปลอดภัย  แถบป้ายมาตรฐาน EPC ได้รับการป้องกันในเรื่องของการรบกวนโปรโตคอลของมาตรฐาน รวมถึงการเข้ารหัสและการใช้งานแถบป้าย และผู้อ่านในการสร้างระบบความปลอดภัยก่อนที่ข้อมูลจะถูกส่ง ซึ่งทำให้ยากในการปรับเปลี่ยนเลขหมาย EPC ซึ่ง Gen2 ยังสนับสนุน “Cloaking” ช่วยให้แถบป้ายที่ตั้งให้สามารถสื่อสารกับผู้อ่านที่ได้รับอนุญาต โดยผู้อ่านจะต้องกรอกรหัสผ่านก่อนที่แถบป้ายจะมีการสื่อสารต่างๆ และรหัสผ่านยังเป็นที่ต้องการสำหรับการเขียนแถบป้ายหรือทำให้ชำรุดเพื่อเพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น

- ต้นทุน  หนึ่งในแรงบันดาลใจในการพัฒนาระบบ EPC คือการสร้างเทคโนโลยี RFID ที่มีประสิทธิภาพในเรื่องต้นทุนสำหรับการดำเนินงานในเรื่อง Supply Chain การออกแบแบบต้นทุนต่ำนั้นมีข้อจำกัดในการใช้งานจริง มาตรฐาน EPC Gen2  ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างเรื่องต้นทุนและฟังก์ชั่นที่จะนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่าในเรื่องต้นทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการสำหรับการใช้งานจริง

4. EPC global Network

เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมาก คือ สามารถสร้างเลขหมายเฉพาะตัวให้กับทุกๆสินค้าทุกๆชิ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ,สามารถรับข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องอยู่ในระยะที่มองเห็นหรือต้องอยู่ในระยะใกล้เหมือนกับการยิงบาร์โค้ด ช่วยให้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้าอันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทำงานในคลังสินค้า ลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน เพิ่มความรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายของสินค้าคงคลังและบุคลากร  นอกจากนี้ยังเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงข้อมูลการเคลื่อนไหวของสินค้า ที่สามารถรับรู้และมองเห็นได้ อันเป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามและลดปริมาณการขาดสินค้า



 

ในกระบวนการ Logistics & Supply Chain เทคโนโลยี EPCglobal Network มีประโยชน์คือเพิ่มความถูกต้องและประสิทธิภาพของข้อมูลในกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้าและยังช่วยติดตามสินค้าได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ในกระบวนการใดของ Logistics เช่น ในส่วนคลังสินค้า ,ส่วนศูนย์กระจายสินค้า หรือส่วนจัดการสินค้าก่อนที่สินค้าเข้าสู่คลังต่อไป

อีกทั้งยังช่วยให้สามารถรับข้อมูลในกระบวนการ Supply Chain ได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิมมาก พร้อมทั้งให้รายละเอียดได้มากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้ทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อันจะช่วยทำให้การบริหารจัดการสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจโดยรวม

สิ่งหนึ่งที่สำคัญอันเป็นมาตรฐานสากล (Global Standards) ช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนทั้งในองค์กร และระหว่างองค์กรกับองค์กรอันเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของ Trading Partner ง่ายขึ้นสะดวกขึ้น และทำให้องค์กรทำงานโดนเน้นที่จะใช้ข้อมูลต่างๆให้เกิดประโยชน์มากกว่าจะเน้นถึงการได้มาของข้อมูล

  
 
5. Case Study

-Gillette Fusion ผลิตภัณฑ์เป็นมีดโกนหนวดซึ่งได้ออกแบบ Packaging ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับระบบ EPC ช่วยทำให้การขนส่งกระจายสินค้าดีขึ้น คือใช้เวลาเพียง 3 วันสินค้าก็สามารถไปอยู่ในร้านค้าหรือ 92% ของสินค้า Availability ในร้านแล้ว และกรณีของบริษัท Oral-B ผลิตภัณฑ์เป็นแปรงสีฟัน ซึ่งใช้เทคโนโลยีผลคือ Daily Sale เพิ่มขึ้นจาก $0.98 เป็น $4.96 ต่อวันจาก 1 ร้านค้า ลองคิดดูว่าถ้าใช้วิธีนี้ Manage กับทุกร้านค้าจะเป็นอย่างไร มันจะเป็นโอกาสที่ดีมากในการพัฒนาธุรกิจ

- Baggage Tracking  เป็นตัวอย่างหนึ่ง มีตัวเลขจาก Airline บอกว่าประมาณ 1% ในการตรวจสอบกระเป๋าที่สนามบินมักจะเกิดความล่าช้าหรือไม่ก็กระเป๋าสูญหาย และในอดีตใช้ระบบบาร์โค้ดกันแต่มีปัญหาเพราะกระเป๋ามีขนาดที่ต่างกัน มีสีต่างกัน รูปแบบไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าใช้บาร์โค้ดจะได้ประมาณ 70%-80% แต่เมื่อใช้เทคโนโลยี EPC จะได้ถึง 98.6%-99.3% read rate on airline baggage tags นับว่า EPCglobal Network เป็น solution ระดับสากล 

6. Conclusion

EPC หรือ Electronic Product Code เป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูง ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงพาณิชย์ การบริการ และในอุตสาหกรรม ประโยชน์ที่หลากหลายของเทคโนโลยีนี้ สามารถช่วยทำให้การตรวจนับสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้อย่างแม่นยำ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบ่งชี้ข้อมูลของสินค้าและการบริหารจัดการ Supply Chain ได้ยอดเยี่ยม  โดยที่เทคโนโลยี EPCglobal Network มีความสามารถในการสนับสนุนระบบการจัดการสินค้าโดยตรวจสอบเพิ่มความถูกต้องและประสิทธิภาพของข้อมูลในกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้าและยังช่วยติดตามสินค้าได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ใน

กระบวนการใดโดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลของระบบและสินค้า ได้อย่างครอบคลุมให้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง  ซึ่งในอนาคต เทคโนโลยี EPC ยังมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพตัวมันเองและช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กับเทคโนโลยีอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ EPC มีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทในกระบวนการทางธุรกิจ และชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อย และสามารถพัฒนาตัวของมันเองได้อย่างไม่หยุดยั้งในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการ

7. REFERENCES

Chris Adcock , President EPCglobal Inc. , Logistics Thailand ,Vol.4 ,No.43            ISSN 1685-5175 ,March 2006
Stuart Scott ,Engineering Today,Vol.4,No. 45,September 2006
Eileen  Mullin , Electronic Product  Code,Suply Chain (URL:http://www.baselinemag.com/article2/0,1397,655991,00.asp)
AutoID Center ,The EPC Network(URL:http://www.smartcodecorp.com/solutions/EPC_step1.asp)
Tan Jin Soon ,EPC: Electronic Product Code- The New Generation RFID Based Product Identification [[sys]]tem(URL:www.itsc.org.sg/synthesis/2004/3_EPC.pdf)
Michel  Roberto , EPC and RFID power logistics scorecard for Electrolux(URL:http://www.findarticles.com/p/articles/mi_hb4372/is_200504/ai_n15259623)

เขียนโดย
Mr. Chakrit   Imanan และ พ.ท.รศ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ


ผู้เขียน/อ้างอิง : http://www.guru-ict.com/guru/index.php?option=com_content&task=view&id=42&Itemid=1

อื่น ๆ เกี่ยวกับไอ.ที.

ความคิดเห็น/แนะนำ/ติชม/อื่นๆ